ล้างรถบ่อยๆ ดีไหม ดูแลรักษาความสะอาดให้ใหม่เอี่ยมอ๋องอยู่ตลอดเวลาดีหรือเปล่า รถยนต์ นอกจากการบำรุงดูแลรักษาเปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง เปลี่ยนยางรถยนต์ ตรวจเช็กระบบเบรกหรือการทำงานในส่วนต่าง ๆ ตามระยะทางแล้ว อีกสิ่งหนึ่งที่คนรักรถ หรือคนที่มีรถยนต์ไว้ใช้งานควรทำนั่นก็คือ ล้างรถ การเช็ดล้างทำความสะอาดรถยนต์จากสิ่งสกปรกต่าง ๆ เช่น ฝุ่นละออง คราบน้ำ คราบดิน โคลน ที่เปรอะเปื้อนจากการใช้งาน ช่วยให้รถยนต์ดูใหม่ สะอาด เงางามอยู่เสมอ

การล้างรถนั้นเป็นวิธีดูแลรถที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง หรือใครที่ไม่มีเวลา รู้สึกว่าล้างรถเองแล้วไม่ค่อยสะอาดจะขับรถไปร้านคาร์แคร์ก็ได้ เพราะการล้างรถไม่ใช่เพียงแค่การฉีดน้ำ ลงน้ำยาล้างรถ แล้วล้างออกเท่านั้น ยังมีขั้นตอนยิบย่อยอื่น ๆ เช่น ลงแว็กซ์ ขัดสี เคลือบเงา และดูดฝุ่น หลายคนจึงเลือกวิธีขับรถเข้าร้านคาร์แคร์ดีกว่า แต่การล้างรถก็เกิดคำถามตามมาว่า เราควรต้องล้างรถบ่อยแค่ไหน จำเป็นต้องล้างรถทุกวัน ทุกอาทิตย์ หรือเดือนละกี่ครั้ง ล้างรถบ่อย ๆ จะทำให้สีรถได้รับความเสียหาย ซีด จางหรือไม่ วันนี้เราจะพาไปหาคำตอบกัน

ล้างรถบ่อยๆ ดีไหม เดือนละกี่ครั้ง ?

จริง ๆ แล้วการล้างรถไม่ได้มีข้อกำหนดกฎเกณฑ์ที่ตายตัวว่าจะต้องล้างรถกี่วัน กี่ครั้งต่อสัปดาห์ หรือกี่ครั้งต่อเดือน คุณสามารถที่จะล้างรถทุกวันก็ได้หากคุณเป็นคนที่รักรถไม่ใช่ชอบเห็นรถสกปรก มีฝุ่น หรือคราบน้ำ คราบโคลนต่าง ๆ หรือจะนาน ๆ ล้างรถทีก็แล้วแต่ความสะดวกได้เลย สำหรับความถี่หรือจำนวนครั้งในการล้างรถที่เหมาะสมต้องดูองค์ประกอบอื่น ๆ เพิ่มเติมด้วย เช่น ใช้รถยนต์มากน้อยแค่ไหน หากใช้งานทุกวันก็ควรล้างรถอย่างน้อยสัปดาห์ละ  1 ครั้ง เพราะรถต้องเจอกับฝุ่น ควัน สิ่งสกปรกต่าง ๆ รวมถึงฝุ่นที่สะสมภายในห้องโดยสาร แต่ถ้าไม่ค่อยได้ใช้รถเน้นจอดเสียมากกว่าอาจล้างเดือนละ 2 ครั้งก็ได้เช่นกัน

  • ล้างรถบ่อย ส่งผลให้เกิดข้อเสีย ต่อสีรถไหม ?

ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องที่หลายคนเข้าใจผิด เนื่องจากการล้างรถนั้นไม่ได้เป็นการทำลายหรือมีผลเสียต่อสีของรถแต่อย่างใด เพราะสีของรถถูกเคลือบด้วยสารเคลือบเงาหรือชั้นแล็กเกอร์อีกทีหนึ่ง การล้างรถจึงเปรียบเสมือนเป็นตัวช่วยถนอมสีของรถยนต์ ซึ่งในน้ำยาล้างรถส่วนใหญ่จะมีส่วนผสมของสารที่ทำหน้าที่เคลือบผิวรถ ป้องกันแสงแดด รังสียูวี และการจับตัวของฝุ่นหรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ อีกด้ว

  • ล้างรถบ่อย ส่งผลให้เกิดสนิมง่ายจริงไหม ?

การล้างรถบ่อย ๆ ไม่ได้ทำให้อุปกรณ์บางส่วนของรถเกิดสนิม แต่การเช็ดรถหรือเป่าลมคราบน้ำที่เกิดจากการล้างรถไม่ครบถ้วนต่างหากที่ทำให้รถเกิดสนิม ดั้งนั้น ควรล้างรถในตอนเช้า เพราะแสงแดดจะทำหน้าที่ในการระเหยน้ำทำให้บริเวณที่ล้างไปแห้งแทนในส่วนที่เข้าไปเป่าลมหรือเช็ดไม่ถึง ถ้าหากล้างรถตอนเย็นหรือค่ำ ด้วยแสดงสว่างที่น้อย มืด จะมีบางจุดที่ต้องตรวจหรือเช็ดไม่ละเอียด อาจทำให้รถเป็นสนิมในจุดนั้นได้ รวมไปถึงความชื้นที่มีมากกว่าช่วงเวลาเช้าหรือกลางวันอีกด้วย

  • ล้างรถบ่อย ส่งผลต่อระบบไฟฟ้าหรือไม่ ?

การล้างรถบ่อย ๆ ไม่ได้ทำให้ระบบไฟฟ้าเสียหาย หากรู้วิธีล้างรถว่าจุดไหนไม่ควรถูกน้ำ เช่น ท่อไอเสีย ท่อลม ห้องเครื่อง หรือ จุดไหนสามารถล้างด้วยน้ำได้ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความรู้และความเข้าใจของผู้ล้างรถ ซึ่งการนำไปล้างรถผ่านผู้ให้บริการคาร์แคร์ที่มีความเชี่ยวชาญความเข้าใจเรื่องรถยนต์ดี จะช่วยป้องกันการเกิดปัญหาในการล้างในจุดที่ไม่ควรล้างได้ หากเป็นผู้ล้างรถด้วยตัวเองอาจต้องศึกษาหาความรู้บางส่วนเพิ่มเติม

  • ล้างรถบ่อย ส่งผลให้เกิดรอยขนาดเล็กบนผิวรถจริงไหม ?

รอยที่เกิดจากการล้างรถ ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับอุปกรณ์ในการล้างรถทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้แรงดันน้ำสูงเกินไป อาจทำให้น้ำที่มีกำลังมากกระทบผิวรถและเกิดรอยขนาดเล็กบนผิวรถได้ ผ้าเช็ดรถที่ใช้เช็ดทำความสะอาดมีเศษฝุ่น เศษผง ที่หากเช็ดลงไปบนผิวรถ เศษฝุ่น เศษผง เจอแรงกดทับในขณะที่ลงน้ำหนักเช็ดถูรถ ทำให้เกิดรอยบนได้ หรือการใช้สายยางพาดรถไปมาก็อาจทำให้เกิดรอยตามผิวรถได้เช่นกัน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความชำนาญและอุปกรณ์ที่ได้มาตราฐานของแต่ละผู้ประกอบหรือผู้ล้างรถเอง

  • ล้างรถบ่อย ช่วยป้องกันอุบัติเหตุจริงไหม ?

การล้างรถบ่อยๆ นอกจากจะช่วยรักษาความสวยงามของรถ โดยเฉพาะส่วนต่างๆ ที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่น กระจกหน้าและท้าย ล้อและยาง และส่วนเครื่องยนต์ แล้วนั้นยังช่วยล้างสิ่งสกปรกที่อาจก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ เช่น ที่กระจกมองข้าง ซึ่งจะช่วยให้มองเห็นภาพได้ชัดเจนมากขึ้น เศษคราบหินดินโคนที่อาจติดในส่วนของเบรก หรือ ล้อ ที่อาจติดขัดระหว่างขับรถได้


รถโดนฝน ต้องล้าง หรือ ฝนตก ล้างรถ บ่อย ๆ ดีไหม  ?

แม้การขับรถลุยฝนจะทำให้รถเปียกเช่นเดียวกับการล้างรถ แต่การปล่อยทิ้งไว้ให้แห้งเองก็ไม่ใช่วิธีที่ถูกต้องนัก หรือการจะเอาผ้าไปเช็ดน้ำฝนก็ไม่ควรทำเช่นกัน เพราะบนพื้นผิวของรถมีเศษฝุ่นผงต่าง ๆ ที่เรามองไม่เห็นปะปนกับน้ำฝนอยู่ การใช้ผ้าเช็ดทันทีอาจทำให้เกิดรอยขนแมวบนสีรถได้ เราควรใช้น้ำสะอาดฉีดล้างรถให้ทั่วแล้วจึงใช้ผ้าสะอาดเช็ด หรือหากมีเวลาล้างรถเลยก็ได้ เพราะฝนที่ตกลงมานั้นไม่ได้เป็นน้ำที่สะอาดซะทีเดียว โดยเฉพาะในเมืองใหญ่ที่มีมลภาวะในอากาศค่อนข้างมาก  มาดูกันว่าทำไมหน้าฝนควรล้างรถมากกว่าหน้าอื่น ๆ กันบ้าง

  1. การล้างรถหลังจากฝนตกช่วยล้างคราบสารเคมีและสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากผิวรถ ซึ่งฝนที่ตกลงมาจะมีความเป็นกรดซึ่งอาจสร้างความเสียหายต่อส่วนต่างๆ ของรถได้ เช่น สีของรถยนต์ ท่อไอเสีย และอื่นๆ
  2. ปัญหาคราบฝังแน่นจะเกิดจากน้ำที่ไม่ผ่านการชำระล้างแล้วแห้งติดตามผิวของรถยนต์ หรือ ส่วนที่เป็นกระจกในรถยนต์ต่าง ๆ  ยิ่งในพื้นที่แหล่งที่เป็นอุตสาหกรรม ฝนที่ตกลงมาจะมีความเป็นกรดสูง ยิ่งทำให้คราบฝังแน่นเห็นได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น
  3. ฝนตกมา ปัญหาสนิมเกิด แน่นอนว่าหน้าฝนจะทำให้อุณหภูมิโดยรอบเกิดความชื้น หากรถถูกฝนตกใส่ หรือ ขับผ่านแหล่งน้ำที่เกิดจากฝนตกน้ำท่วม ส่วนที่เป็นโลหะเช่นบริเวณล้อเป็นส่วนที่น่ากังวลว่าจะเกิดสนิมเป็นพิเศษ อาจต้องเข้าการรับบริการเป่าแห้งหรือใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์เช็ดบริเวณดังกล่าวก็จะช่วยลดการเกิดสนิมได้
  4. รถมัวหมอง ดูดความสกปรกง่าย อย่างที่ทราบกันดีว่าหากรถูกฝน จะดูดฝุ่นละลองที่ลอยอยู่ในอากาศให้ติดกับผิวรถยนต์ ยิ่งเป็นรถสีขาวหรือสีออกโทนสว่างจะยิ่งเห็นคราบดำ หรือ สีหม่นหมอง ดรอปลงจากที่ควรจะเป็น ซึ่งการล้างรถหลังจากฝนตกช่วยให้สีของรถของคุณสดใสและไม่เสื่อมสภาพเร็ว
  5. เคลือบแว็ก ป้องกันผิวของรถได้ อย่างที่ทราบกันดีว่าฝนในทุกวันนี้มีความเป็นกรดสูง การเคลือบแวกซ์ก่อนหน้าฝนจะช่วยปกป้องรถยนต์ของคุณได้เช่นกัน โดยที่แว็กซ์จะทำหน้าที่เป็น wear layer สำหรับชั้นป้องกันระหว่างฝนกรดและผิวของรถโดยตรง